หลังจากนั่งดู Julie&Julia อีกรอบ ชั้นพบว่า..ตัวเองเป็นคนทำอะไรไม่ถึงที่สุดซักอย่างเดียว
ชั้นชอบทำโน่นทำนี่เยอะมาก สนใจไปหมดทุกเรื่อง (โดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน) แต่ไม่รู้่ลึก รู้จริงซักอย่างเดียว
แล้วความสนใจสั้นอย่างน่าใจหาย… เวลาเจออะไรใหม่ๆ จะตื่นเต้นและหมกหมุ่นอยู่กับมันเต็มที่ไม่เกินสองอาทิตย์ ก็เผ่นแล้ว
ช่วงที่ทำรายการแฟนพันธุ์แท้ เคยคุยๆกันกับเพื่อนๆ พี่ๆในทีมว่า อันตัวเรานั้น เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องอะไรกันบ้าง
ในที่นี้เราหมายถึงการชอบอะไรจริงจังมาก ไปถึงขนาดเรียกอย่างเต็มปากว่า บ้าคลั่งและตั้งอกตั้งใจสนใจกับสิ่งๆนั้นตลอดเวลา
ปรากฏว่า พวกเราแต่ละคนสนใจกันหลายเรื่องมาก บางคนก็ชอบฟุตบอล บ้างชอบมวย บ้างก็บ้าเด็กและสตรีมีครรภ์ อะไรกันไป
จนมีคนพูดขึ้นมาว่า พวกเราถึงต้องมาเป็นทีมงานไง ไม่งั้นก็เป็นคนแข่งไปแล้ว เออ..จริงด้วย ว่าแล้วก็วงแตก ทำงานหูลู่กันต่อไป
หลังจากวันนั้น ชั้นก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ได้คุยกับคนสมัครในตอนที่ตัวเองรับผิดชอบ ก็จะอดคิดไม่ได้ทุกที
แต่สิ่งหนึ่งที่มองเห็นเวลาสัมภาษณ์คนแข่งคือสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมสุข เวลาพวกเค้าเล่าถึงสิ่งที่ตัวเองรักให้คนแปลกหน้าอย่างชั้นฟัง
บางคนถ้าฟังผ่านๆ อาจจะดูเหมือนคนบ้า แบบว่า เฮ้ยยย มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย คนดีๆที่ไหนจะเค้าจะทำกันขนาดนั้น
และก็มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะฟังและเข้าใจคนบ้าด้วยกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทุกวันนี้ ชั้นค้นพบสิ่งที่ตัวเองรักและมีความสุขแบบที่เล่ามา คือ เรื่องเกี่ยวกับอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการทำหรือการกินก็ตาม
ยิ่งเอามาชั่งน้ำหนักเทียบกันแล้ว ชั้นชอบเรื่องนี้มากกว่า เรื่องหมาๆ ซะอีก แม้ว่าชั้นจะเห่าได้เหมือนหมา จนหมาตกใจก็เถอะ
เพราะเอาเข้าจริงๆ ชั้นก็ยังไม่รักหมาถึงขั้น ยอมสละเวลา เงิน และบางสิ่งในชีวิต เพื่อจะได้มีหมาเป็นของตัวเอง อย่างที่ใจอยาก
คือตอนนี้ยังห่วงชีวิตตัวเอง และมีสติมากพอที่จะไม่เอาหมา มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตว่างั้นเถอะ (จริงๆ กลัวเอาหมามาอดตาย)
เอาเป็นว่าที่เล่าซะยาว ก็เพื่อจะให้เห็นภาพและเข้าใจว่า ชั้นมีความพยายามในเรื่องกินมากกว่าเรื่องหมาก็เท่านั้นแหละ
จะยาวไปไหนเนี่ยกู
ความพยายามล่าสุดที่เพิ่งทำไปก็คือ อยากกินขนมจีนน้ำพริกอย่างบ้าคลั่ง…มันหากินแถวนี้ไม่ได้จริงๆ นอกจากทำกินเอง
แต่ว่าซวยมันอยู่ที่ สูตรขนมจีนน้ำพริกที่อร่อยสุดๆ ซึ่งได้มาจากร้านขนมจีนเจ้าเด็ดแห่งหนึ่ง คุณป้าผู้น่ารัก เค้าใส่หั่นลูกมะกรูดด้วย…
นัยว่า เพื่อความหอมและตัดความเลี่ยนของน้ำกระทิและถั่ว
พระเจ้าาาาา ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์คอย่างนี้ ให้กูเดินหาซีดีใน The list ของไอ่แจ๊ค ยังจะง่ายซะกว่า
(ขอโทษนะแจ๊คที่ผาดผิง แต่ซีดีเพลงที่มึงอยากได้ แม่งหายากจริงๆ)
แต่ความอยากกินไม่เคยปราณีใคร โดยเฉพาะคนอย่างชั้น หลังจากใช้เวลาอยู่นับเดือน ในการไปตามร้าน Asian ทุกร้าน
ทั้งฝั่งควีน และในไชน่าทาว์น รวมไปถึงโทรไปถามเพื่อนที่ LA และ Orlando
ชั้นก็ค้นพบลูกมะกรูดที่ชั้นต้องการ ที่ร้านไทยเล็กๆ กลางไชน่าทาว์น หรือ ที่ชั้นชอบเรียกติดปากแบบไม่แคร์ฝรั่งว่า เยาวราช นั่นแหละ
แม้จะมาในสภาพแช่แข็ง และราคาที่ชวนขนหัวลุก แบบราคา 3 ลูก 5 เหรียญ แต่ชั้นก็กัดฟันซื้อมา เพราะตัณหาและกิเลสมันสั่ง
ระหว่างนั่งรถไฟกลับบ้าน ก็หยิบอีมะกรูดสามลูกขึ้นมาชื่นชม ประหนึ่งว่า เพิ่งได้นาฬิกา Cartier ฝั่งเพชร มาอยู่ในมือ
ชั้นแอบเห็นนะ ว่าอีลุงฝรั่งที่นั่งอยู่ข้างๆแอบมองมะกรูดในมือชั้นอย่างสงสัยใคร่รู้อย่างแรงกล้า ว่าอีบ้านี่ มันเอามะนาวมานั่งดูทำไม
เชอะ…หาได้แคร์ไม่ เพราะในที่สุดโครงการขนมจีนน้ำพริกสุดขอบฟ้าของชั้นก็เป็นจริงซะที
ที่ผ่านมา ชั้นจะบอกวิธีทำและส่วนผสม ของอาหารที่ทำไปทุกครั้ง แต่สำหรับสูตรและวิธีทำขนมจีนน้ำพริกอันนี้
ชั้นเอามาเล่าให้ฟังในที่สาธารณะแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะสัญญากับคุณป้าเจ้าของสูตรเอาไว้ ตั้งแต่ไปขอยืนดูแกทำขนมจีน
ว่าจะไม่บอกใคร ดูเฉยๆ หนูอยากรู้ค่ะคุณป้า เอามาทำข้อมูลในรายการ ไม่แอบจำสูตรหรอก ใส่อะไรไปบ้างหนูก็ดูไม่ทันเล๊ยยยย
แต่แค่นั้น หนูก็เอามาลองทำกินเองที่บ้านได้แล้วล่ะค่ะ คุณป้าขา…หนูไม่ได้แอบจำนะ แค่ลองทำตามที่ตาเห็นเฉยๆ
ที่สำคัญทำออกมาแล้ว รสชาติสู้ของคุณป้าไม่ได้จริงๆค่ะ แค่ใกล้เคียง พอให้หนูหายอยากเท่านั้นเอง
แต่หนูสัญญาว่า ถ้าทำครั้งต่อไป หนูจะพยายามทำให้ออกมาเหมือนของคุณป้ามากขึ้นเรื่อยๆ
จะได้ไม่เสียชื่อคุณป้าไง ดีมั้ยค่ะ
ความเห็นล่าสุด