Eat-aholic

Test it…Feel it by yourself

พลิกแผ่นดินหาลูกมะกรูด เพื่อขนมจีนน้ำพริก มีนาคม 31, 2010

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 7:08 am

หลังจากนั่งดู Julie&Julia อีกรอบ ชั้นพบว่า..ตัวเองเป็นคนทำอะไรไม่ถึงที่สุดซักอย่างเดียว
ชั้นชอบทำโน่นทำนี่เยอะมาก สนใจไปหมดทุกเรื่อง (โดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน) แต่ไม่รู้่ลึก รู้จริงซักอย่างเดียว
แล้วความสนใจสั้นอย่างน่าใจหาย… เวลาเจออะไรใหม่ๆ จะตื่นเต้นและหมกหมุ่นอยู่กับมันเต็มที่ไม่เกินสองอาทิตย์ ก็เผ่นแล้ว

ช่วงที่ทำรายการแฟนพันธุ์แท้ เคยคุยๆกันกับเพื่อนๆ พี่ๆในทีมว่า อันตัวเรานั้น เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องอะไรกันบ้าง
ในที่นี้เราหมายถึงการชอบอะไรจริงจังมาก ไปถึงขนาดเรียกอย่างเต็มปากว่า บ้าคลั่งและตั้งอกตั้งใจสนใจกับสิ่งๆนั้นตลอดเวลา
ปรากฏว่า พวกเราแต่ละคนสนใจกันหลายเรื่องมาก บางคนก็ชอบฟุตบอล บ้างชอบมวย บ้างก็บ้าเด็กและสตรีมีครรภ์ อะไรกันไป
จนมีคนพูดขึ้นมาว่า พวกเราถึงต้องมาเป็นทีมงานไง ไม่งั้นก็เป็นคนแข่งไปแล้ว เออ..จริงด้วย ว่าแล้วก็วงแตก ทำงานหูลู่กันต่อไป

หลังจากวันนั้น ชั้นก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ได้คุยกับคนสมัครในตอนที่ตัวเองรับผิดชอบ ก็จะอดคิดไม่ได้ทุกที
แต่สิ่งหนึ่งที่มองเห็นเวลาสัมภาษณ์คนแข่งคือสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมสุข เวลาพวกเค้าเล่าถึงสิ่งที่ตัวเองรักให้คนแปลกหน้าอย่างชั้นฟัง
บางคนถ้าฟังผ่านๆ อาจจะดูเหมือนคนบ้า แบบว่า เฮ้ยยย มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย คนดีๆที่ไหนจะเค้าจะทำกันขนาดนั้น
และก็มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะฟังและเข้าใจคนบ้าด้วยกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทุกวันนี้ ชั้นค้นพบสิ่งที่ตัวเองรักและมีความสุขแบบที่เล่ามา คือ เรื่องเกี่ยวกับอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการทำหรือการกินก็ตาม
ยิ่งเอามาชั่งน้ำหนักเทียบกันแล้ว ชั้นชอบเรื่องนี้มากกว่า เรื่องหมาๆ ซะอีก แม้ว่าชั้นจะเห่าได้เหมือนหมา จนหมาตกใจก็เถอะ
เพราะเอาเข้าจริงๆ ชั้นก็ยังไม่รักหมาถึงขั้น ยอมสละเวลา เงิน และบางสิ่งในชีวิต เพื่อจะได้มีหมาเป็นของตัวเอง อย่างที่ใจอยาก
คือตอนนี้ยังห่วงชีวิตตัวเอง และมีสติมากพอที่จะไม่เอาหมา มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตว่างั้นเถอะ (จริงๆ กลัวเอาหมามาอดตาย)

เอาเป็นว่าที่เล่าซะยาว ก็เพื่อจะให้เห็นภาพและเข้าใจว่า ชั้นมีความพยายามในเรื่องกินมากกว่าเรื่องหมาก็เท่านั้นแหละ
จะยาวไปไหนเนี่ยกู

ความพยายามล่าสุดที่เพิ่งทำไปก็คือ อยากกินขนมจีนน้ำพริกอย่างบ้าคลั่ง…มันหากินแถวนี้ไม่ได้จริงๆ นอกจากทำกินเอง
แต่ว่าซวยมันอยู่ที่ สูตรขนมจีนน้ำพริกที่อร่อยสุดๆ ซึ่งได้มาจากร้านขนมจีนเจ้าเด็ดแห่งหนึ่ง คุณป้าผู้น่ารัก เค้าใส่หั่นลูกมะกรูดด้วย…
นัยว่า เพื่อความหอมและตัดความเลี่ยนของน้ำกระทิและถั่ว

พระเจ้าาาาา ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์คอย่างนี้ ให้กูเดินหาซีดีใน The list ของไอ่แจ๊ค ยังจะง่ายซะกว่า
(ขอโทษนะแจ๊คที่ผาดผิง แต่ซีดีเพลงที่มึงอยากได้ แม่งหายากจริงๆ)
แต่ความอยากกินไม่เคยปราณีใคร โดยเฉพาะคนอย่างชั้น หลังจากใช้เวลาอยู่นับเดือน ในการไปตามร้าน Asian ทุกร้าน
ทั้งฝั่งควีน และในไชน่าทาว์น รวมไปถึงโทรไปถามเพื่อนที่ LA และ Orlando
ชั้นก็ค้นพบลูกมะกรูดที่ชั้นต้องการ ที่ร้านไทยเล็กๆ กลางไชน่าทาว์น หรือ ที่ชั้นชอบเรียกติดปากแบบไม่แคร์ฝรั่งว่า เยาวราช นั่นแหละ
แม้จะมาในสภาพแช่แข็ง และราคาที่ชวนขนหัวลุก แบบราคา 3 ลูก 5 เหรียญ แต่ชั้นก็กัดฟันซื้อมา เพราะตัณหาและกิเลสมันสั่ง

ระหว่างนั่งรถไฟกลับบ้าน ก็หยิบอีมะกรูดสามลูกขึ้นมาชื่นชม ประหนึ่งว่า เพิ่งได้นาฬิกา Cartier ฝั่งเพชร มาอยู่ในมือ
ชั้นแอบเห็นนะ ว่าอีลุงฝรั่งที่นั่งอยู่ข้างๆแอบมองมะกรูดในมือชั้นอย่างสงสัยใคร่รู้อย่างแรงกล้า ว่าอีบ้านี่ มันเอามะนาวมานั่งดูทำไม
เชอะ…หาได้แคร์ไม่ เพราะในที่สุดโครงการขนมจีนน้ำพริกสุดขอบฟ้าของชั้นก็เป็นจริงซะที

ที่ผ่านมา ชั้นจะบอกวิธีทำและส่วนผสม ของอาหารที่ทำไปทุกครั้ง แต่สำหรับสูตรและวิธีทำขนมจีนน้ำพริกอันนี้
ชั้นเอามาเล่าให้ฟังในที่สาธารณะแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะสัญญากับคุณป้าเจ้าของสูตรเอาไว้ ตั้งแต่ไปขอยืนดูแกทำขนมจีน
ว่าจะไม่บอกใคร ดูเฉยๆ หนูอยากรู้ค่ะคุณป้า เอามาทำข้อมูลในรายการ ไม่แอบจำสูตรหรอก ใส่อะไรไปบ้างหนูก็ดูไม่ทันเล๊ยยยย
แต่แค่นั้น หนูก็เอามาลองทำกินเองที่บ้านได้แล้วล่ะค่ะ คุณป้าขา…หนูไม่ได้แอบจำนะ แค่ลองทำตามที่ตาเห็นเฉยๆ

ที่สำคัญทำออกมาแล้ว รสชาติสู้ของคุณป้าไม่ได้จริงๆค่ะ แค่ใกล้เคียง พอให้หนูหายอยากเท่านั้นเอง
แต่หนูสัญญาว่า ถ้าทำครั้งต่อไป หนูจะพยายามทำให้ออกมาเหมือนของคุณป้ามากขึ้นเรื่อยๆ
จะได้ไม่เสียชื่อคุณป้าไง ดีมั้ยค่ะ

 

BLT Steak ถึงแพง แต่ก็คุ้มค่าตัวอยู่ ตุลาคม 24, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 6:34 am

ทิ้งขว้างบ้านนี้ไปเล่น facebook อยู่นานสองนาน ทำไงได้ก็มีทั้งเกม และเพื่อนๆ ไปกองอยู่ที่เดียวกันขนาดนั้น
มันก็ต้องลืมของเก่าเป็นธรรมดา แต่ก็ทิ้งไม่ลงหรอก สุดท้ายก็ต้องกลับมาเขียนอยู่ดี
เริ่มไว้ขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องเขียนกันต่อไป และที่สำคัญเราก็ยังรักการเขียนมากอยู่ ถึงจะขี้เกียจไปหน่อยก็เถอะ

ที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด กว่า60เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องเศร้า..
เราว่าคนทั่วไปก็ไม่ค่อยอยากจะฟังเรื่องเศร้าของคนอื่นมากนักหรอก แต่ละคนก็มีเรื่องหนักใจ เศร้าใจของตัวเองกันอยู่แล้ว
จะให้มารับรู้เรื่องของคนอื่นอีกก็คงไม่ไหวมั้ง ใครจะอยากฟังกัน ใช่เปล่า เอาเรื่องตัวเองยังจะไม่รอดเล๊ย
และเราก็ไม่อยากพูดถึงมันด้วย..เหมือนชื่อเพลง I Don’t Want To Talk About It เพลงโดนๆของลุง Rod Stewart เค้า
ช่วงนี้ฟังเพลงนี้ทุกวันเลย เราชอบเวอร์ชั่นที่ลุงร้องกับสาวสวยรุ่นหลาน Amy Belle บนเวทีคอนเสิร์ตของลุงแกมาก
พูดได้คำเดียวว่า The Best…..

จบเรื่องเพลง เข้าเรื่องของกิน ที่ผ่านไปกินโน่นนี่ไปเยอะแยะ แต่เลือกเอาร้าน BLT ขึ้นมาเขียนก่อนชาวบ้าน
เพราะร้านเนี้ยเรื่องมันเยอะจริงๆ เริ่มจากเพื่อนมันบอกว่า อยากไปกิน BLT Steak เราก็รู้มานิดๆหน่อยๆว่ามันดัง และแพงอยู่
แต่ที่ไปกินกันแบบไม่คิดอะไรมาก ก็เพราะว่าเราถือซะว่า ไม่ได้กินอย่างนี้ทุกวัน และเป็นการเก็บชั่วโมงชิมให้ลิ้นตัวเองด้วย
แล้วก็อยากรู้ด้วยว่า คุณเชฟ Laurent Tourondel เนี่ยอาหารเค้าจะแจ่มขนาดไหนกันนะ เอาเถอะไม่ถึงกับหมดตัวหรอกน่า
วันที่เราไปคนไม่แน่นมาก คือไม่ถึงกับมีคิว แล้วเราก็ไปเร็วพอสมควรก็เลยได้โต๊ะเลย เดินเข้าร้านไปรู้สึกเป็นเป้าสายตาเล็กๆ
เพราะไอ่พวกที่นั่งๆกันอยู่เนี่ย แต่งตัวกันมาแบบว่า เออ..ไปงานแต่งงานใครมากันเหรอค่ะ เต็มที่กันไปไหน มากินข้าวนะยะพวกแก
แก๊งค์ลุงหัวทองผูกไทด์โต๊ะข้าง เค้าก็แอบๆมองเรากับเพื่อนว่า เราสองคนจะสั่งอะไรกินกัน
(จริงๆไม่แอบด้วย แบบว่าหยุดคุยฟังเราสั่งกันเลย)

เราจัดชุดสุดคุ้มสำหรับสองคนไปเลย BLT Cut For two มันเป็นจานหลักที่แพงสุดในหมวดเนื้อ ราคา 82 เหรียญ
(ย้ำอีกทีสำหรับสองคน เดี๋ยวจะหาสั่งของแพงสุดเอาหน้า)
แล้วเราก็ข้าม Ap ไปเลย ไม่กินๆ เพราะเราจะกินขนมปัง Popover ที่เค้าจะให้มาเหมือนเป็น dinner Roll อะไรอย่างเงี้ย
ขนมปังร้านนี้เค้าแจ่มจริงๆ ของแนะนำเลย อยากจะซื้อเฉพาะขนมปังมานั่งกินเล่นที่บ้านแทนข้าวจริงๆ ให้ตายเถอะ
เพราะนอกจากจะหน้าตาดี แล้วตัวแป้งยังกรอบนอกนิด แต่เนื้อข้างในนุ่มเนียน หอมเนย เวลากินได้รสชาติชีสสูตรพิเศษของเค้าด้วย
คือ ชั้นหลงรักขนมปังของเค้ามากๆ

102_3016

ที่สำคัญขนมปังบ้าเนี่ยเข้ากับไวน์แดงที่เราสั่งมากินมาก คือมากินสเต๊กขนาดนี้จะสั่งไวน์ไม่ดีมากินก็จะเสียเนื้อกันไปเปล่า
ดิชั้นเลยเอาไวนแดงมาตัวหนึ่ง สั่งแบบครึ่งขวดก็พอ สองคนไม่ได้กะเมา เค้ามีขวดไซน์เล็ก คือ แบบครึ่งขวดด้วยไง จัดมาๆ
ไอ่ไวน์ครึ่งขวดที่ดิชั้นเลือก รู้สึกจะ 40กว่าเหรียญเนี่ย จำไม่ได้ว่ากว่าเท่าไร เอาเป็นว่าราคาถูกของร้านแล้วอ่ะ คือหลักพันมันก็มีไง
แต่รสชาติคุ้มค่าตัวมากๆ จิบเข้าไปแทบไม่อยากกลืนลงคอนั่งดมไวน์ไปซักพัก พระเอกของโต๊ะเราก็ถึงเอามาวางตรงหน้า…
แม่เจ้า เนื้อสีสวยมาก ในรูปยังไม่สวยเท่านะ เพราะตอนถ่ายแสงในร้านน้อยมาก ไอ่ครั้นจะถ่ายเยอะๆ อีลุงโต๊ะข้างๆก็มอง..
เดี๋ยวจะโดนเม้าท์ว่า ขี้เห่อ ไม่เคยกินเนื้อย่าง เคยกินโว้ยยยยย แต่เนื้อสวยๆ ขนาดนี้ มันต้องเก็บไว้ในควาทรงจำกันหน่อย..
ชื่นชมอาหารน่ะ รู้จักมั้ยลุง

102_3019

เคี้ยวเอื้องเนื้อย่างนุ่มๆ แกล้มไวน์แดงไป แลดูกระแดะเนอะ..ยอบรับๆ..แต่มีความสุขจริงๆ ให้ตายเถอะ
กินไปก็คิดไป..ทำไงให้เนื้อมันนุ่มอย่างนี้ว่ะ คือนอกจากคุณภาพเนื้อแล้ว คนย่างมันต้องเทพด้วยอ่ะ..ชั้นอยากทำเนื้อให้ได้อย่างนี้บ้างจัง
จริงๆเฉพาะเนื้อ สี่ห้าชิ้นตรงหน้า เราสองคนก็ควรจะิ่อิ่มกันได้แล้ว แต่ยังค่ะคุณผู้ชม เราสั่งของหวานมาตบหน้าตัวเองด้วย
เรื่องขนมมีเหรอเราจะพลาด เราลองสั่งมาชิม สองอย่าง เป็น plum turnover อะไรสักอย่าง ชื่อแม่งยาว แต่รสชาติไม่ควรค่าให้จำ
คือมันธรรมดามากๆ คือหากินได้ทั่วไป ตามร้านเบเกอรี่อร่อยๆ ในนิวยอร์ค แต่งจานก็งั้นๆ ดูเอาเอง

102_3031

102_3032

ที่น่าจดจำ ควรจะเป็น Peach and brown suger ice cream มากกว่า เพราะรสชาติแจ่ม ไอติมเลิศมาก กับพีช โคตรเข้ากัน
อีกอย่างที่น่าปลาบปลื้มมากๆ เห็นจะเป็นน้องหนวดเล็ก ผู้คอยดูแลโต๊ะเรา น่ารักมากกกกกกกกกกกกก
หน้าตา..ความสูง รอยยิ้มบาดใจดิชั้นสุดๆ..คือถ้าจะกลับไปกินอีกก็เพราะน้องหนวดนี่แหละ ไม่ใช่เนื้อสเต๊ก หรือขนมอะไรหรอก
พูดมากจะหาว่า บ้าผู้ชาย งั้นแค่นี้นะ…55555

 

HBD.at Philly กรกฎาคม 10, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 6:23 pm

102_2789

ตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาจาก Philadelphia ก็จะเขียนลงบล็อกทันที แต่ก็ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาเกือบเดือนอีกจนได้
ไม่มีเหตุผลจะแก้ตัวอะไร นอกจากคำว่า “เอาไว้ก่อน” เพราะทำงานกลับมาก็เหนื่อย ขี้เกียจจะทำอะไรอีกแล้ว
ไม่ก็มัวแต่เล่้นเกม facebook wireless ใช้งานไม่ได้ (จนตอนนี้เน็ตก็ยังห่วยอยู่) สมองส่วนการขีดเขียนก็เลยไม่ค่อยทำงาน
ทั้งที่มีเรื่องที่อยากเขียน ควรจะเอามาเขียน และเรื่องที่อยากจะระบายมากมาย

เอาเรื่องเก่าที่ค้างไว้ก่อน คือ ทริป Philly ที่เราวางแผนการเิดินทางแบบหุนหันพลันแล่นมากๆ
จองโรงแรมได้ตอนตีสาม เก้าโมงเช้าเผ่นเลย ตื่นมาเก็บของใส่กระเป๋า โยนโน้ตบุ๊คลงไป (คือติดเกมอ่ะ อายจัง..แต่ติดจริงๆ)
กระโดดขึ้นรถ Bolt Bus (ซื้อตั๋วทางออนไลน์ตอนตีสามเช่นกัน) เจ้ารถทัวร์ยี่ห้อเนี่ย เป็นรถบัสราคาประหยัด แต่ไฮโซ ของแนะนำมากๆ
เกือบสามชั่วโมงถัดมา เราก็ไปยืนงงๆ อยู่ที่ philadelphia พร้อมคู่มือเที่ยวเมืองนี้หนึ่งเล่ม ง่วงๆ งงๆ อยู่คนเดียวซะงั้น
แต่มาถึงแล้ว ก็เอาว่ะ เดินลงสถานีรถไฟใต้ดิน ดูแผนที่แล้ว ก็ซื้อตั๋วรถพุ่งเข้าตัวเมือง หาโรงแรมที่จองไว้ก่อนแล้วกัน
เอากระเป๋าหนักๆ (เพราะโน้ตบุ๊ค ใจรักมากๆ ที่บ้าแบกมันมาด้วย) ไปโยนไว้ที่โรงแรมก่อนก็ยังดี สนุกสนานกันเถอะเรา

จริงๆ philly เป็นเมืองที่เดินทางสะดวกแบบไม่ต้องกลัวหลงแม้แต่น้อย ตัวเมืองไม่ใหญ่มาก รถราก็มีให้เลือกเดินทางมากมาย
ทั้งรถบัส รถใต้ดิน หรือขยันเดินก็ยิ่งดี เพราะได้เห็นทุกซอกทุกมุมของเมืองแบบละเมียด ถ้าไม่กลัวเมื่อยขา เจ็บตีนอ่ะนะ
การเดินเที่ยวในเมืองของเราเลยเป็นเรื่องสนุกทันทีหลังจากไปโยนกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้ว

102_2787

เรื่องๆของเรื่องคือ เราไปถึงสองวันก่อน 4th of July ฉะนั้นในฐานะที่เป็นเมืองประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศ
นักท่องเที่ยวในช่วงนี้จึงมากเป็นพิเศษ แต่เราไม่ได้ไปเพราะเป็นวันชาติอะไรหรอกนะ แต่ไปฉลอง 6th of July My Birthday ต่างหาก
การเิดินเที่ยวในตัวเมืองเก่าในบ่ายวันแรกที่ไปถึง เลยเหมือนได้เดินย่ำไปในเมืองเก่า ซึ่งเป็นย่านอนุรักษ์..(ประมาณหนึ่ง)
ย่านนี้เค้าเรียกกันว่า Independence National Park เดินดู The liberty Bell,Independence Hall,Betsy Ross House
บรรยากาศเหมาะกับการพานักเรียนมาทัศนศึกษาประวัติศาสตร์อเมริกามากๆ แต่เรานึกถึงหนังเรื่อง National treasure มากๆ ภาคแรกเลยคิดตามเป็นช็อตๆ เลยนะ เดินเพลิน ถ่ายรูปไปมา แวะเล่นกับหมา คุยกับป้าเจ้าของหมา เผลอแป๊บเดียวก็เกือบทุ่มเข้าไปแล้ว
ดีว่าพระอาทิตย์มันตกดินช้า เลยมีโอกาศได้ไปดูด ice cream float ที่ร้าน The Franklin Fountain ร้านเก่าร้านแก่ของที่นี่ปิดท้ายวัน

102_2804

102_2834

จริงๆ แผนการณ์หลักในการเดินทางมาเมืองนี้คือ cheesesteak teste contest ของกินคู่บ้านคู่เมืองคน philly
เดินไปทางไหน ก็ต้องมีไอ่ร้านขายไอ่แซนวิชเนื้อวัวย่างที่ว่าเนี่ย ขายอยู่ให้เห็นทั่วไป แต่ร้านดัง ที่เค้าว่าเด็ด มีอยูสองสามร้าน
ซึ่งเราตั้งอกตั้งใจว่าจะต้องไปชิมและเยี่ยมเยือนให้ครบทั้งสามร้าน แต่ตอนนี้มันค่ำแล้ว แอบไปกินร้านน่ารักๆ แถวย่านช็อปปิ้งในเมืองดีกว่า
ใกล้โรงแรมดีด้วย ร้านที่คือร้าน continental ที่ Market St. ห่างจากโรงแรมไปสองบล็อกเท่านั้นเอง อาหารรสชาติใช้ได้
แต่ยังไม่ประทับใจถึงขนาดต้องถ่ายรูปเก็บไว้ในความทรงจำ เอาเป็นว่าดีกว่า สั่งข้าวโรงแรมมากินก็แล้วกัน
ร้านแถวที่เราพัก มันก็มีดีๆอยู่เยอะแหละ แต่หลังจากการเดินเที่ยวไปทั่วเมือง ตั้งแต่บ่ายๆ จนถึง สองทุ่ม สมองก็สั่งการให้เท้าทั้งสอง
เดินกลับโรงแรมกันเถอะพวกเรา เก็บแรงไว้ไปปวดขาวันรุ่งขึ้นกันดีกว่า…ร้อนด้วย ง่วงด้วย จะกินอะไรกันมากมาย
หนีกลับไปนอนที่โรงแรมกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกว่ากันใหม่… คิดดูขนาดเดินผ่านร้านไอติมหน้าตาดีมากๆ ร้านดังของเมืองด้วย
ดิชั้นเดินลิ่วๆ เชิดใส่เฉยเลย..ไม่น่าเชื่อ คงจะเป็นเพราะเมื่อวานทำงาน นอนก็ดึก มันจะเอาอารมณ์จากไหนไปเดินเที่ยว nightlife อีกล่ะ

(ตอนที่เขียนอยู่นี่ก็ง่วงจริงๆด้วยแหละ แล้วจะกลับมาเขียนใหม่นะ หนีไปนอนก่อนแล้ว ต้องไปทำงานแต่เช้าจ้า)

102_2844

102_2891

 

ทำขนมจีนน้ำเงี้ยว…แล้วคิดถึงแม่ มิถุนายน 30, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 2:10 am

ในที่สุดโครงการน้ำเงี้ยวสุดขอบฟ้า ก็สำเร็จ เสร็จออกมาเป็นอาหารที่กินได้จริงซะที หลังจากวาดวิมานในอากาศมานานมาก
หลังจากได้น้ำพริกมาเมื่อหลายวันก่อน วันนี้เพิ่งได้ฤกษ์ออกไปหาซื้อเลือดหมู กระดูกหมู ถั่วงอก ฯลฯ
เดินเล่นหาของกิน หยิบโน่นหยิบนี่ อย่างเพลิดเพลิน..ได้ขอที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อติดมาเพียบ….เฮ้อออ เบื่อตัวเองจริงๆ

กลับมาบ้าน รีบตั้งน้ำต้มกระดูกหมูก่อนชาวบ้านเลย มันจะได้เปื่อยๆ แทะง่ายเคี้ยวเพลิน…
หั่นเครื่องต่างๆ เสร็จแล้ว ก็ตั้งกระทะ ผัดน้ำพริกกับหมูสับ สุกหอมดีแล้ว ก็เติมน้ำต้มกระดูกนั่นแหละ นิดหน่อย
ตอนผัดนะ โคตรเกรงใจบ้านข้างๆ คือขนาดเรายังจามแล้ว จามอีก..อีฝรั่งบ้านติดกัน มันคงด่ากระจาย..แฮะๆๆ ขอโทษนะ
จากนั้น ใส่กระดูกที่ต้มพอเปื่อยแล้วลงผัดด้วยกัน..กะว่ากระดูกหมูกับน้ำพริกเข้ากันดี กะว่าได้จามซัก สามสี่ที เป็นกันใช้ได้
เติมน้ำต้มกระดูกหมูนั่นแหละลงไป…ใส่เลือดหมู ใส่มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลนิดหน่อย ต้มต่อไปซักพัก

ทำไปก็คิดถึงตอนที่เข้าไปป้วนเปี้ยนอยู่ในครัวกับแม่ จำได้ว่าแม่แอบเติมเต้าเจี้ยวลงไปด้วย…อืม เอาบ้างดีกว่า
น้านนนนน..รสชาติออกมาเหมือนของที่แม่ทำเลย…ดีใจสุดๆ
ทำไป ก็คิดถึงแม่ไป…(อย่า ไม่ได้ออกแนวเศร้า แค่ความคิดถึง ไม่ใช่เรื่องเศร้า การคิดถึงกันเป็นความสุข ไม่ใช่เรื่องเศร้า)

ตอนเขียนบล็อกนี้ครั้งแรก ก็เขียนถึงน้ำเงี้ยวของแม่ กลับไปอ่านอีกที เออ นะ นานแล้วเหมือนกัน

102_2695

น้ำเงี้ยวได้แล้ว..เส้นขนมจีนล่ะ ไม่มี ที่นี่ไม่มีเส้นขนมจีนขาย ไม่ว่าจะแบบแห้งหรือสด จริงๆ หาแล้วสาบานได้
แล้วใครที่ไหนเค้าจะมานั่งผสมแป้ง ต้มเส้นขนมจีนขายให้แก..ใช่ป่ะ
ใช้อย่างอื่นแทนละกัน เลือกไปเลือกมา ก็ตัดสินใจหยิบเอาเส้น somen ของญี่ปุ่นมาแก้ขัด…หน้าตามันคล้ายๆกัน
รสชาติออกมันไม่เหนียวนุ่ม หนึบหนับแบบเส้นขนมจีนหรอก แล้วเส้นมันก็ไม่ดูดซับน้ำซอสได้ดีเท่า
แต่เอาน่า…ตัวสำรอง มันก็มีข้อดีของมันแหละ …เนอะ เนอะ

102_2696

102_2698

เห็นเปล่า ต้มออกมาแล้ว หน้าตาคล้ายกันมาก เราพยายามจะจับให้มันเป็นจับๆ เป็นขนมจีนแล้ว แต่ทำได้แค่เนี้ย ไม่สำเร็จว่ะ
พอเส้นสะเด็ดน้ำดีแล้ว ก็เอาใส่จานตักน้ำเงี้ยวราด โรยหน้าด้วยถั่วงอกนิด ผักกาดดองหน่อย..
ออกมาหน้าตาใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย กินร้อนๆ อร่อยดี กระดูกหมูเนื้อล่อน แทบไม่ต้องแทะ ประเสริฐมาก
เครื่องน้ำเงี้ยวเนี่ย เราชอบกินกระดูกหมูสุดแล้ว เลือดหมู อะไรเงี้ย ไม่เท่าไร

102_2705

กินเสร็จ..น้ำตาแทบไหล ไม่ใช่ๆ เราไม่ได้คิดถึงแม่
แต่ลืมบีบมะนาวอีกแล้วอ่ะ
ตลอดเลยกู น่าเบื่อจริงๆ

 

น้ำพริกอ่องกับไข่เจียว มิถุนายน 27, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 5:22 am

เมนูง่ายๆ…แต่ทำให้อร่อยจนน้ำตาแทบไหล
วันก่อนโน้นนน ไปได้น้ำพริกสำเร็จรูปจากร้านของชำไทย..แถวไชน่าทาว์น เหมือนเดิมหิ้วกลับมาสองสามอย่าง
ทั้งน้ำพริกอ่อง น้ำพริกน้ำเงี้ยว น้ำพริกทำฮังเล น้ำพริกข้าวซอย สังเกตได้ชัดว่าเอาแต่ของกิ๋นบ้านเฮาขนาดเน้อเจ้า
กลับมาบ้าน วิ่งไปซื้อหมูบด มะเขือเทศ..กลับมาทำน้ำพริกอ่องกินทันที
วิธีทำง่ายสุดๆ
ผัดน้ำพริกกะหมูบด เติมน้ำนิดหน่อยพอคลุกคลิก ใส่มะเขือเทศ พอมันนิ่ม ก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล..
เสร็จแล้ววววววววววว
ง่ายป่ะ
ตักใส่จาน กินกับข้าว..เราเจียวไข่สองฟอง ไว้กินคู่กัน
ง่ายเนอะ แต่อร่อยสุดขั้วหัวใจ

2007-01-05 20-36-35_0003

แถมๆ อันนี้เป็นเมนูไข่จากร้านญี่ปุ่น..จำชื่อไม่ได้..แต่ไปกินบ่อยๆกะเพื่อนสาว
หน้าตาดี..อร่อยดีด้วยนะ

2007-01-06 15-07-19_0008

อันนี้สั้นๆ
แต่ได้ใจความว่า “อร่อย”
555

 

Momofuku milk bar มิถุนายน 7, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 7:21 am

ตามรูป เพิ่งไปกินมา เอารูปมาแปะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาเขียน (ด่า) วันหลัง
______________________________________________________

ว่างแล้ว แวะมาบ่นตามรูป
วันก่อนไปชิมเค้กร้าน momofuku milk bar ตามคำชวนของเพื่อนมัน เห็นมันคุยนักคุยหนา ว่าให้ไปกินให้ได้นะ
อ่ะ เค้าเสนอมา เราก็สนองรับ..เรื่องกิน เคยมั้ยที่จะตอบปฏิเสธ ไม่มี๊ ไม่มี

ร้านจริงๆร้านเค้ามีชื่อด้านก๋วยเตี๋ยว ราเมน อะไรอย่างเงี้ย..คุณ Devid chang เค้ามือขึ้นเรื่องก๋วยเตี๋ยวจริงๆ
รสชาติก๋วยเตี๋ยวเค้าก็ไม่เลวร้ายนะ อร่อยพอใช้ได้ แต่จะให้ฝ่าฝูงชนเข้าแถวไปกินเนี้ย..คงไม่อ่ะ
ร้านอร่อยๆ ที่ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น ในราคาเท่ากัน แถมรสชาติเหนือกว่า…ในเมืองเนี้ย มีอีกเป็นร้อย
ทางเลือกของชีวิตชั้นมีมากกว่าหนึ่งอยู่แล้ว เรื่องอะไรต้องไปชะเง้อและแขวนท้องรอกินร้านเค้าด้วย
(จริงๆ อาจจะเป็นเพราะแรงหมั่นไส้ในความดัง อิอิ)
เป็นผลให้ยามได้ชิมเค้ก ในมุมเปิดใหม่..ที่ขอเรียกกว่ามุมเปิดใหม่ เป็นเพราะร้านเค้กของเค้าเนี้ย
ใช้ด้านหลังของร้าน momofuku ssam bar มาเปิดเป็นร้านเค้ก แล้วช่องให้เดินทะลุถึงกันด้วย
ประมาณว่าถ้าหิวจัด รอกินก๋วยเตี๋ยวไม่ไหว ก็ไปสั่งขนม นมเนยกินก่อนก็แล้วนะ (คิดได้นะ)

ร้านเค้กที่พยายาม สร้างเค้กให้เป็นตำนาน ด้วยการใส่เครื่องปรุง และส่วนผสมที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
อย่าง arnold palmer cake ที่ประเคนใส่ทั้ง iced tea jelly, lemon mascarpone cream,
almond tea crunch รสหวานจัดด้วยน้ำตาล(ทั้งกระสอบ) และเปรี้ยวโด่ง ด้วยน้ำมะนาวสังเคราะห์
แม้จะขายในราคาเพื่อนกัน ชิ้นละ 5 เหรียญ ก็ไม่ทำให้รสชาติดีขึ้นมาได้เลย จริงๆ นะ ไม่ได้เวอร์
กินไปสามคำ แล้วหยุดกินทันที พร้อมทิ้งแบบไม่เสียดายเงินเลยซักนิดเดียว

แต่อาจจะหาว่า ใส่ร้ายป้ายสีเค้าเกินไป อ่ะ ชิมอีกรสก็ได้ เลือกเอา pistachio cake มากิน ดูจากหน้าตาแล้ว
น่าจะโอเค ชื่อก็ไม่แปลกมาก ส่วนผสมก็ไม่มีอะไรเวอร์ๆ ที่ดูเข้ากันไม่ได้ ราคา 5 เหรียญเท่ากัน
เออ…ชิ้นนี้โอเค..กินได้จนเกือบหมดชิ้น..แต่อาจจะเป็นเพราะหงุดหงิดจากได้เค้กเปรี้ยวหวานชิ้นแรก
เลยทำให้อารมณ์อร่อยในชีวิต หมดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง…พอแล้วกู กลับบ้านดีกว่า
อ้อ…
ข้อดีของร้านนี้คือ ถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องกลัวโดนด่า ครัวเค้าก็เปิดให้เห็นตอนอบเค้กด้วย
แอบไปถ่ายรูปเค้กก้อนใหญ่ที่เค้าเพิ่งอบเสร็จ …แม่ครัวคนสวยหันมาเห็นเค้าก็เลยถามว่า อยากถ่ายใกล้ๆ มั้ย
ว่าแล้ว she ก็ยกเค้กทั้งก้อนออกมาตั้งตรงหน้า เลือกมุมสว่างๆ ให้ถ่ายด้วย ชนะเลิศจริงๆ
รักเค้าจัง…แค่นี้แหละ
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เค้กรสชาติดีขึ้นหรอกนะ
ขอบคุณนะ แต่ขอโทษจริงๆ

102_2594

102_2597

102_2603

102_2605

102_2601

 

fish and chip again ..หรือเราจะอยู่ผิดที่จริงๆ พฤษภาคม 24, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 4:56 am

102_2472

ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับอะไรความเป็นอังกฤษมากมายนัก ทำแบบสอบถามใน facebook มันก็บอกให้ไปอยู่ london
อ่านคำตอบแล้ว อะไรกันยะ ชั้นวิ่งวุ่นอยู่ใน new york อย่างมีความสุขอยู่แท้ๆ ไม่ได้การณ์แล้ว ต้องทำตัวให้ถึงอเมริกาจริงๆซะหน่อย
ว่าแล้วก็นั่งเรือข้ามไปถ่ายรูปกะคุณย่าใหญ่ซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาเมืองเค้าแล้ว ไม่มากราบไหว้เคารพบูชาผู้หลักผู้ใหญ่
เห็นคุณย่าใหญ่ ยืนตัวเขียวอยู่ลิบๆ มาตั้งนาน ได้มาเห็นตัวจริงใกล้ๆ แล้วก็……….กูเสียตังค์ 12 เหรียญมาทำไมเนี่ยยยยย

หนีไปกิน fish and chip ดีกว่า……..555555555555555
จากเกาะคุณย่าใหญ่ เราข้ามฝากไปกินฝั่ง brooklyn ด้วยความบากบั่น แม้จะมีอุปสรรคจากการเดินทางด้วย subway
ที่ตอนนี้เปลี่ยนเส้นทางการเดินรถกันแบบวันต่อวัน จนปั่นป่วนไปหมด (แถมยังมีหน้าจะขึ้นค่าตั๋วอีกนะ ขอบใจจริงๆ)
กว่าจะไปถึงร้าน chip shop ก็ทำเอาเราหิวจนหน้ามืด สั่งอาหารแบบไม่ยั้งคิดอะไรทั้งนั้น…แบบลืมสนิทว่า..กูต้องผอม

102_2508

102_2527

คนอยากผอม สั่ง fish and chip, shepherd’s pie แล้วมันยังกล้าสั่ง Haggis มากินด้วยนะ เอากะมันซิ
ไอ่เมนูสองอย่างแรก เราเคยเล่าไปแล้ว และเชื่อว่าใครๆก็คงรู้จักมันอยู่บ้างพอสมควรแหละ แต่ไอ่ haggis ต่างหากที่แปลกกว่าใคร
จริงๆมันเป็น อาหารพวก scottish ทำมาจากเครื่องในแกะ อย่าง หัวใจ ตับ ปอด ฯลฯ เอามาปั่นๆ สับๆ ปรุงรสใส่เครื่องปรุง
แล้วเอาไปยัดใส่กระเพาะหมู หรือของตัวอะไรที่กินได้ แล้วเอาไปต้มให้ชุ่มฉ่ำนานหลายๆชั่วโมง…นี่คือการได้มาของไอ่นี่แบบคร่าวๆ
เราเคยเห็นวิธีทำไอ่ haggis ในรายการอาหารช่อง foodnetwork แล้ว…แบบว่า…เห็นแล้วกินไม่ลง มันดูน่ากลัวมากๆ
แต่ไอ่คุณเพื่อนเรามันอยากกิน ได้ค่ะเพื่อน จัดไป อยากกินก็สั่งเลย..ลองได้ ไม่ตายหรอก แล้วก็ออกมาหน้าตาแบบเป็นที่เห็น

102_2525

รสชาติไม่เลวร้ายนะ แต่ตอนกินต้องทำเป็นลืมถึงตอนเค้าทำก่อน ไม่งั้นจะกินไม่ลง ดีว่าเพื่อนมันรับผิดชอบกินจนหมด
แน่นอนตัวเองสั่งมา ก็ต้องแสดงความแมนหน่อย กินเข้าไปให้หมดนะยะ เพราะชั้นจะชิมแค่คำเดียวเท่านั้น 5555

แต่เราชอบ shepherd’s pie ของร้านนี้มากกว่าของร้าน tea and sympathy ไม่เค็มดี รสชาติกำลังเหมาะ ให้เคี้ยวเพลินๆ
ส่วน fish and chip เราให้คะแนนร้าน a salt and Battery มากกว่า เพราะเค้าทอดปลาได้เหลืองทอง น่ากินกว่า
แต่จากวันนี้ สงสัยต้องกินเต้าหู้ต้ม กับ ผักลวกไปซักสองอาทิตย์…
รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ เฮ้ออออออออออออ

102_2535

 

กินไก่โก้..รับมือไข้หวัดโก้ พฤษภาคม 15, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 5:08 am

102_2341

ขอสารภาพว่าจริงๆช่วงนี้ไม่ได้ยุ่งแล้ว อาการป่วยทางระบบหัวใจก็เข้มแข็งขึ้นมาก แต่ที่ห่างหายและไม่ได้มาเขียนblogนี้เลย
เพราะติด facebook อย่างแรง…เล่นทั้งเกม เล่นทั้งquiz กัดจิกกันเองระหว่างเพื่อนไปมา จนลืมกินข้าวกินปลาไปเลยก็ทำมาแล้ว
เมื่อกี้เพิ่งมีโอกาสทักทาย KhunT ผ่าน facebook ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ไม่ได้แวะเข้ามาบ้านนี้ระยะหนึ่งแล้ว สำนึกผิดขึ้นมาทันที
ว่าแล้วก็…เขียนซะเลย

เล่นเรื่องฮิตตอนนี้เลยดีกว่า ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ H1N1 (ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการ)กำลังระบาด เมื่อเย็นเค้าเพิ่งประกาศปิดโรงเรียนไป 3 ที่
เรารู้สึกว่ามันคงระบาดไปอีกพักใหญ่แน่ๆ ก่อนหน้านี้เค้าก็เรียกกันว่า ไข้หวัดเม็กซิกัน ไข้หวัดหมู swineflu อะไรกันต่างๆนานๆ
แล้วแต่จะเรียกกันไป แต่ที่แน่ๆ งานนี้ amigo หรือ พี่โก้ของเรา ซวยไปเต็มๆ เพราะดันระบาดหนักที่ประเทศตัวเอง น่าสงสารจริงๆ
ช่วงก่อนเราก็เป็นไข้ มีแต่คนแซวว่าไปติดหวัดโก้ที่ไหนมา…ดีนะว่าหายแล้ว ไม่งั้นคงโดนคนในรถไฟมองตลอดเวลาที่ไอหรือจาม
ที่หายเนี่ย ไม่รู้เป็นเพราะว่า กินไก่โก้ แก้หวัดไปหรือเปล่า แต่คิดแล้วเป็นเมนูเด็ด ที่มีเรื่องให้เม้าท์สนุกไม่แพ้ใครเลยแหละ

ไก่โก้ที่ว่า จริงๆเค้ามีชื่อเท่ๆ ว่า Chipotle Chicken แต่เราก็เรียกไก่โก้ ตามสัญชาติเค้าก็แล้วกัน..ไม่ได้ล้อเลียนเลยนะ My Amigo
อาหารเม็กซิกันเนี่ย จะว่าอร่อย ก็ใช่ จะว่าไม่อร่อย ก็ไม่เชิง เอาเป็นว่ากินได้เป็นอย่างๆ ไป แต่เราชอบอยู่สองอย่างคือ ไก่โก้เนี่ยแหละ
กับ Mole Poblano กินอร่อยอยู่สองอย่าง ที่เหลือมันไม่ค่อยถูกปากเท่าไร กินได้ แต่จะให้ดั้นด้นไปกินอีก..เออ..เอาไว้ก่อนได้มั้ย
พ่อครัวโก้ของร้านที่เราทำงานอยู่ เคยทำ Chipotle chicken ให้กินครั้งหนึ่ง เราก็ไปแอบๆ ยืนดูเค้าทำ แล้วจำสูตรมาลองทำเอง 555
คือ..ถ้าทำกินเองได้ ก็จะได้ไม่ต้องไปกินที่ร้านไง..ถูกปากกว่าด้วย อีกอย่างดูๆแล้วก็ไม่เห็นจะยากตรงไหน จริงๆนะ

ส่วนผสมของซอสมันก็มี แค่ chipotle, มะเขือเทศ เราใช้มะเขือเทศสด กับ มะเขือเทศ Pureeแบบกระป๋องผสมกัน
เพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อซอส ,ผงขมิ้น หรือ cumin,comido แล้วก็กระเทียม แค่เนี้ยเอง

102_2247

วิธีทำก็แสนจะง่ายดาย เปิดเครื่องปั่น หั่นมะเขือเทศสดลงไปลูกหนึ่ง ปอกกระเทียมกะว่าสามถึงสี่กลีบใหญ่ เทมะเขือเทศpuree 1 กระป๋อง
ส่วนพริก chipotle ต้องใช้แบบที่เป็นกระป๋อง คือเหมือนว่ามันจะผ่านการทำให้มันนิ่ม และออกรสเปรี้ยวนิดหน่อยด้วยน้ำส้มสายชูมาแล้ว
อันนี้เราแอบชิมก่อนจะเทลงเครื่องปั่น เพราะจะได้กะถูกว่า จริงๆพริกโก้ชนิดนี้มันเผ็ดขนาดไหน
ชิมแล้วสรุปได้ทันทีว่า ใส่ไปหมดกระป๋องนั่นแหละ ตอนซื้อเราก็เลือกเอายี่ห้อที่แบบว่าดูดั้งเดิมหน่อย แบบแม่ประนอมบ้านเราเงี้ย
คิดเอาเองว่า น่าจะเป็นยี่ห้อที่อร่อยสุด ดูได้จากรูปสาวงามหน้ากระป๋อง…สวยขนาดนี้ ต้องทำออกมาอร่อยแน่นอน
เสร็จแล้ว ก็ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อซอสละเอียดๆ ตอนเปิดฝาเครื่องปั่น กลิ่นหอมรุนแรงของพริกพุ่งเข้าจมูกเรา..ทำเอาน้ำตาไหลเลย
(เดาว่าเนี่ยแหละเป็นสาเหตุทำให้หายเป็นไข้หวัด)
ได้ซอสแล้วก็เอามาคลุกกับไก่ หมักไว้ซักพักใหญ่ ให้ไก่กินน้ำซอสให้อิ่ม แล้วค่อยเอามาตั้งไฟ เติมน้ำซุปไก่แล้วตั้งไฟเคี่ยวจนไก่สุกนิ่มดี
ระหว่างนี้ก็เริ่มปรุงรสด้วย ผงขมิ้น..น้ำตาล…เกลือ..ส่วนเราแอบเติม oregano ลงไปหน่อยหนึ่งเพิ่มความหอม..

102_2242

เสร็จแล้ว…ง่ายโคตร..ชาวบ้านโก้เค้าเอาไปกินกับ ถั่วแล้วข้าวสีส้มๆ ซึ่งจริงๆก็คือข้าวอบซอสมะเขือเทศแหละ
แต่เราขี้เกียจทำไง..กินกับข้าวสวยก็อร่อยเข้ากันอยู่ไม่น้อย แต่คราวนี้เราเอามากินกับเส้นข้าวซอย..5555
คือไม่ได้คิดดัดแปลงเอาสวย หรืออยากสร้างวัฒนธรรมเชียงใหม่-เม็กซิกัน อะไรหรอก เส้นต้มไว้แล้วมันเหลือ ขี้เกียจหุงข้าวด้วย
ก็เลยเอามาลองกินด้วยกัน…ไม่น่าจะเสียหาย ออกมาก็เป็นลูกผสมที่หน้าตาดูน่ารัก น่าเอ็นดู..แถมอร่อยดีด้วยนะ…เชื่อป่ะ

102_2251

แอบเอาใส่กล่องไปให้เจ้าสูตรต้นตำรับกินด้วยนะ…เห็นเค้าพยักหน้างั้นงี้ บอก ดีๆ แต่เผ็ดไปหน่อย…เออ นั่นแหละ ถึงอยากทำกินเองไง
ของดั้งเดิมมันรสชาติไม่ถึงใจ…เจอคนไทยแบบชั้นทำเข้าไป โก้ก็โก้เถอะ น้ำตาไหลไปเลย กินๆไปเถอะพี่..จะได้ไม่เป็นหวัดไง 555

 

เมื่อฤดูดอกไม้บาน…แล้วอยากกินแกงส้มดอกแค เมษายน 19, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 6:28 am

102_2231

102_2228

เก็บดอกไม้มาฝาก ตามฤดูกาลแล้ว ช่วงนี้นิวยอร์กเต็มไปด้วยสีสันแนวๆ นี้
เมื่อดอกไม้บาน…ชวนให้เมืองนี้ดูน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ มันแช่มชื่นหัวใจจริงๆ

มนุษย์อย่างเราเห็นดอก magnolia บานเต็มต้น แล้วแอบคิดถึงดอกแค ดอกเสี้ยว บ้านเรา
อืม…มันจะเอาไปต้ม หรือ ชุบแป้งทอดกินกับน้ำพริกกะปิ เอ๊….หรือเอาไปทำแบบแกงส้มดอกแค…มันจะแทนกันได้มั้ยนะ
ฝรั่งมันคงไม่คิดกินกันหรอก ไม่แน่ๆ มันเอาไว้สวยอย่างเดียวเลย เราเคยคุยกับฝรั่งแบบขำๆว่า
ถ้าโลกนี้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารแบบขีดสุด เรามั่นใจมากๆ แบบเอาหัวเป็นประกันเลยว่า
ชนชาติไทยจะเป็นชนชาติที่เอาชีวิตรอดได้เยอะที่สุด เราว่าติดอันดับหนึ่งในห้าของโลกแน่ๆ
เพราะคนไทยกินได้ทุกอย่าง…ผักไม้ ดอกหญ้าข้างทาง..ขอให้เป็นสิ่งมีชีวิตเถอะ..เรามีวิธีเอามาทำเป็นของกินได้ทั้งนั้น
หรือใครจะเถียงชั้นยะ…

102_2226

แต่ว่าอย่าเพิ่งตกอกตกใจกันไปว่า เราจะคิดพิเรนปีนไปเก็บดอก magnolia เอามาลองชุบแป้งทอดทำแกงส้มจริงๆ (แม้จะแอบคิดอยู่ก็ตาม)
ไม่กล้าขนาดนั้น…แล้วก็ยังไม่ได้ทำแกงส้มกินเองด้วย แค่คิดเฉยๆ ช่วงนี้ยุ่งมาก เพราะมัวแต่เอาเวลาไปรับjobทำกับข้าวให้คนอื่นกินแทน
เหนื่อย เหนื่อย และเหนื่อยมาก…ว่าจะไม่ทำแล้ว นี่ยังไม่ถึงอาทิตย์ดีเลย นอกจากร่างกายดิชั้นจะรับไม่ได้จริงๆแล้ว หัวใจดิชั้นก็ไม่สู้ด้วยค่ะ
ใครจะว่าอะไรก็ช่างเค้าเถอะ ชั้นไม่ทำแล้วววววววววววววววววววววววววววว ลองมาทำกันเองซิยะ
ดูซิ อากาศออกจะดี แถมดอกไม้รอให้ชั้นออกไปชื่นชมขนาดนี้ จะมัวไปหมกตัวอยู่ในครัวนรกแตกอย่างนั้นทำไมกัน ใช่เปล่า ๆๆๆ
(555555555 เลวจริงกู…ขี้เกียจตัวเป็นขน โอกาสดีๆ วิ่งเข้าใส่ก็ไม่สนใจ แล้วยังมีหน้าจะอ้างเรื่องดอกไม้บ้อบอคอแตกอะไรกัน)

102_2207

 

กินแบบผู้ดี๊ ผู้ดี ที่ร้าน tea and sympathy เมษายน 7, 2009

Filed under: Uncategorized — kampooh @ 3:02 am

102_2024

ดูซิ อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะขยันมาเขียนเรื่องลง blog เพราะอุตส่าห์สะสมข้อมูลเอาไว้ซะเต็มเปี่ยม เรียกว่าแน่นขนัดเลยล่ะ
แต่สุดท้ายก็มีเรื่องซะงั้น (อีกแล้ว ขยันหาเรื่องใส่ตัวตลอดเลยนะแกเนี่ย)

คือว่า คือว่า notebook ของดิชั้น โดนvirusเล่นงานค่ะคู๊ณณณณณณณ
แล้วอย่างซวยอ่ะ โดนแบบตัวแม่อย่างแรงเข้าไป ข้อมูลทั้งหมด หายวับไปกับตา ทั้งงานที่เขียนไว้ ไหนจะเพลงอีกล่ะ
ที่สำคัญ รูปถ่ายทั้งหมดของดิฉัน โดยเฉพาะรูปตั้งแต่เหยียบแผ่นดินอเมริกาเนี่ย หายไปหมดเลยยยยยยยยยยยยยย T-T
ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากทำใจอย่างเดียว

ขอบคุณพระเจ้า แต่หนูอยากจะลืมแค่บางเรื่องเท่านั้นเอง ไม่ต้องช่วยลบความทรงจำทุกอย่างที่ผ่าน ด้วยวิธีนี่ก็ได้ด้ายยยยยย
พระเจ้าทำเกินหน้าที่ไปแล้วล่ะ…รู้ตัวเปล่าเนี่ย
เกือบสองปีในอเมริกาของเราเลยกลายเป็น vanishing memories ไปซะแล้ว
สองสามวันที่ผ่านมาเลยได้แต่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง กับความซวยของตัวเอง

ยังดีว่า ในกล้องป๊อกแป๊กของเรายังมีรูปบางส่วนที่ความขี้เกียจเป็นพระเอกของงาน ทำให้เราไม่ลบมันจากกล้องไปซะก่อน
(ปกติจะอุทานว่า พระเจ้าช่วย แต่งานนี้ โกรธกันอยู่ ไม่ได้ช่วยอะไรเล๊ย ให้ตายซิ)
เลยยังมีรูปหลงเหลือมาให้ได้เอามาเขียนประกอบลง blog ได้อยู่บ้าง

บ่นจบแล้ว เข้าประเด็นกันเถอะ Tea and Sympathy ร้านนี้เป็นกำลังติดปากเรามากๆ ในช่วงนี้ เพราะไปกินบ่อยกว่าที่อื่น
คือติดใจในบรรยากาศแบบผู้ดีอังกฤษของเค้ามาก เข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในห้องนั่งเล่นของคุณยายชาวอังกฤษ
เพราะทุกอย่างในร้านได้อารมณ์ grandma’s living room ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ โต๊ะ แก้วน้ำ จานชาม
แถมพนักงานในร้าน ก็พูดสำเนียงอังกฤษกันสุดโต่ง ประหนึ่งว่าหลานสาวคุณยายมารับออเดอร์เอง
ไม่ใช่แค่สำเนียงนะ หุ่นเค้าก็เป็นผู้หญิงอังกฤษมาก ไม่อยากเม้าท์ แต่แบบว่า เออ..คัพ DD plus size กันทุกคน
(อย่าๆๆๆ อย่าคิดว่าผู้หญิงอังกฤษจะผอมสวย แบบ kate moss กันทุกคน ได้ข่าวเค้าเพิ่งมางานเปิดร้านtopshop ที่ soho)

จริงๆ ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มอะไรกับความเป็น Great Britain มากนักหรอก
เพราะนอกจากวงการฟุตบอล กับ ดนตรีแล้ว ความเป็นอังกฤษ ไม่ได้มีเตะตาต้องใจเราเท่าไรเลย
แต่ชอบกึ่งขำๆ ในความเป็นพิธิรีตองของเค้ามากกว่า (แต่ถ้าถามว่าให้ไปเที่ยวอังกฤษอีกมั้ย….ไปดิ..ถามได้)
ร้านเนี้ย มันดูประดิษฐ์ๆ ดี เหมือนนั่งอยู่ในฉากละครเวที ดูเกินจริงนิดๆ แต่ก็ได้รสชาติดีหน่ะ
อาหารที่เค้าขาย ก็เป็นอาหารอังกฤษน่ะ นอกจาก ชุด Afternoon tea อันขึ้นชื่อแล้ว ก็มี shepherd’s pie, yorkshire pudding
อะไรพวกนี้แหละ เห็นป่ะ แค่ชื่อมันก็ผู้ดี๊ ผู้ดี 555 ขอเม้าท์ (ไม่รู้ทำไมชอบเม้าท์พวกอังกฤษ) อี shepherd’s pie เนี่ยนะ
ตอนแรกๆสงสัยว่า พายอะไรวะ ชื่อเหมือนหมา (คิดไปได้) มารู้ทีหลังว่า อ๋อ shepherd แปลว่า คนเลี้ยงแกะ
แล้วไอ่พายเนี่ย เค้ามันจะใช้เนื้อวัวบ้าง เนื้อแกะบ้าง เอาสับๆมาทำกัน ง่ายๆ พายของคนเลี้ยแกะนั่นเองค่ะ คุณผู้ชม
แต่คนเลี้ยงหมาอย่างเรา กินแล้ว ชิมแล้ว ไม่ชอบอ่ะ มันเค็มไป เลยได้แต่เล็มๆกินแค่มันฝรั่งบดที่โปะหน้ามาเท่านั้นเอง

102_2195

แต่รูปไอ่พายดองเค็มเนี่ย ไม่มีให้ดูนะ มีแต่ รูป mac cheese pie เหลือติดกล้องอยู่เลยเอามาลงแทน แถมอร่อยกว่าด้วย 555
เราติดใจ Sticky toffee pudding ของเค้ามากกว่า มันอร่อยดี กินกับชา mint ร้อนๆ หอมๆ แล้ว มันลงตัวมาก
แต่กินแล้วอร่อยแบบลืมตาย ลืมไปว่ากำลังลดน้ำหนักอยู่ (ได้ข่าวว่าเดือนที่แล้วหล่อนไปกินตั้งสองครั้ง ซื้อกลับมากินอีก น่ากลัวจริงๆ)
เนื้อเค้กกับครีมอุ่นๆ กินแล้วไม่อยากกลืนลงกระเพาะเลย ตอนกินครั้งแรก สงสัยหน้าตามีความสุข ออกนอกหน้าไปหน่อย
ฝรั่งโต๊ะข้างๆ นั่งมองหน้าแล้วถามว่า อร่อยมากใช่มั้ย…หน้าคนถามแบบว่า ขำมาก เออ…อร่อย ถามทำไมยะ ชิ ชิ ชิ

102_2134

ไม่เชื่อดูรูป….ดูเนื้อครีมนะ โหยยย สุดยอดความอร่อย เชื่อยังว่าทำไมอีตาฝรั่งคนนั้นมันถึงถามเรา

102_21382

เฮ้อ..ขนาดตอนเอารูปลง เห็นแล้วยังอยากกินเลย แต่ไม่ได้ๆ ต้องหักห้ามใจเอาไว้
ต้องจริงจังกับการลดน้ำหนักให้มากกว่านี้ จริงๆ มันก็ลดลงไปเยอะแล้วล่ะ ตอนนี้ใส่ไซส์ 8 ได้แล้ว จากที่เคยใส่ไซส์ 14
แต่เราตั้งเป้าเอาไว้ที่ ไซส์ 4 ยังไงก็ต้องให้ต่ำกว่า 5 ให้ได้ คอยดูนะ ชั้นจะเอาชนะใครบางคนที่เคยถากถางชั้นเอาไว้
รู้จักชั้นน้อยไปซะแล้ว…เชอะ